Thursday, February 19, 2009

ความพอเพียงแบบบัฟเฟตต์ โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สถานีโทรทัศน์ CNBC ได้สัมภาษณ์ วอเร็น บัฟเฟตต์ และต่อไปนี้คือบางส่วนของการใช้ชีวิตที่ผมอยากจะพูดว่า “พอเพียงอย่างน่าทึ่ง” ของเขา

ข้อแรกก็คือ บัฟเฟตต์เป็นคนที่ขยันหาเงิน เก็บออม และลงทุน มาตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ แต่ก็ยังบอกว่าเขาเริ่มลงทุนช้าเกินไป พอถึงอายุ 14 ขวบ เขาก็สามารถเก็บเงินจากการส่งหนังสือพิมพ์เพียงพอที่จะซื้อไร่ขนาดย่อม ๆ ได้

ข้อสอง ทุกวันนี้ ในฐานะของเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับสองของโลกด้วยความมั่งคั่งประมาณ 4- 5 หมื่นล้านเหรียญ เขาก็ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านขนาด 3 ห้องนอนหลังเดิมที่ซื้อไว้หลังจากแต่งงานเมื่อ 50 ปี ก่อน บ้านหลังนี้ไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม แต่เขาบอกว่ามันมีทุกอย่างที่เขาต้องการ

ข้อสาม เขาเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทเบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์ ที่มีมูลค่าตลาดของหุ้นที่ติดอันดับต้น ๆ ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา แต่เขาก็ยังขับรถไปไหนมาไหนด้วยตนเองโดยไม่มีคนขับรถหรือผู้คุ้มกันอย่างผู้บริหารสูงสุดของบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ

ข้อสี่ สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความ “ฟุ่มเฟือย” ประการเดียวก็คือการที่เขาเคยซื้อเครื่องบินส่วนตัวเก่าลำหนึ่งซึ่ง ชาร์ลี มังเกอร์ เพื่อนรักและหุ้นส่วนสำคัญเคยตั้งชื่อให้ว่า “เถียงไม่ออก ” (Indefensible) เพื่อใช้ในการเดินทางไปทำธุรกิจ แต่หลังจากที่เขาพบบริษัท Executive Jet ที่ให้บริการเครื่องบินส่วนตัวแบบแชร์เวลากันใช้ที่ใหญ่ที่สุด เขาก็ขายเครื่องบิน “เถียงไม่ออก” ทิ้ง และซื้อบริษัท Executive Jet และใช้บริการเดินทางโดยเครื่องบินของบริษัทนี้แทน

ข้อห้า ในการบริหารบริษัทในเครือ 63 แห่งของเบิร์กไชร์นั้น บัฟเฟตต์จะปล่อยให้ผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้นดำเนินการอย่างอิสระ โดยเขาจะเขียนจดหมายถึงผู้บริหารเหล่านั้นเพียงปีละฉบับเดียวเพื่อให้เป้าหมายประจำปีที่จะต้องทำ เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับผู้บริหารเหล่านั้นเป็นประจำ กฎของบัฟเฟตต์ที่ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงสุดของเขามีเพียง 2 ข้อ นั่นคือ ข้อหนึ่ง อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย และข้อสองก็คือ อย่าลืมกฎข้อหนึ่ง

ข้อหก บัฟเฟตต์ไม่ได้คบค้ากับคนในวงการไฮโซ การพักผ่อนหย่อนใจของเขาเมื่อกลับบ้านก็คือ การทำข้าวโพดคั่วรับประทานและดูทีวี และที่สำคัญก็คือการเล่นไพ่บริดจ์ผ่านอินเตอร์เน็ต

ข้อเจ็ด บัฟเฟตต์ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือและไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน มีคนเคยถามว่าเขาคิดคำนวณหามูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นหรือการลงทุนขนาดใหญ่ต่าง ๆ ได้อย่างไร เขาตอบว่า มันอยู่ใน “หัว” นั่นหมายความว่า การลงทุนสำหรับบัฟเฟตต์แล้ว จะต้องเป็นสิ่งที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนขนาดที่จะต้องคำนวณด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนเรื่องการไม่ใช้โทรศัพท์มือถือนั้น น่าจะเป็นการบอกว่าเรื่องของการลงทุนนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องรีบด่วน

ข้อแปด คำแนะนำสำหรับคนหนุ่มสาวของวอเร็น บัฟเฟตต์ ก็คือ จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง นี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งในแง่ที่ว่า เขาไม่ได้แนะนำให้คนหนุ่มสาวลงทุนในหุ้น บัฟเฟตต์คงเห็นว่า การลงทุนในตัวเอง เช่น การศึกษาหาความรู้และฝึกฝนทักษะ นั้น น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด ในอีกด้านหนึ่ง การใช้จ่ายโดยอิงกับบัตรเครดิตนั้น น่าจะนำไปสู่การใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและเป็นสิ่งที่ทำร้ายคนหนุ่มสาวมากที่สุด

สุดท้ายที่เป็นความน่าทึ่งก็คือ การพบกันเป็นครั้งแรกระหว่างบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 2 คน คือ บิล เกตส์ กับบัฟเฟตต์เมื่อ 5 ปีก่อน ในครั้งนั้น บิล เกตส์คิดว่าบัฟเฟตต์กับตนนั้น ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยยกเว้นว่าจะรวยพอ ๆ กัน จึงกำหนดเวลานัดพบเพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อพบกันจริง ๆ พวกเขากลับคุยกันถึงสี่ชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นคนที่ศรัทธาในตัวบัฟเฟตต์อย่างลึกซึ้ง เช่นเดียวกับที่บัฟเฟตต์เองก็นับถือและยอมรับ บิล เกตส์ มาก และนั่นก็นำไปสู่การบริจาคเงินครั้งใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 31 พันล้านเหรียญของบัฟเฟตต์ให้แก่มูลนิธิของ บิล เกตส์ เมื่อปีที่แล้ว

และทั้งหมดนั้นก็คือชีวิตที่ “พอเพียงอย่างน่าทึ่ง” ของราชันย์นักลงทุนแห่งโอมาฮา วอเร็น อี. บัฟเฟตต์

No comments:

Post a Comment