ถ้าคุณเลือกที่จะออกวิ่ง คุณเปิดโอกาสให้ตัวเองได้มองรอบ ซ้ายขวาหน้าหลังแถมยังมองไปข้างบน ได้เพื่อนหลากหลาย เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ออมสินผ่านข้อจำกัดเดิมๆ ในยุคสมัยของ “เลอศักดิ์ จุลเทศ” ผู้อำนวยการธนาคารคนที่ 14 ผู้เล่นบทผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง
เขามองว่า การฝ่าเข้าไปบนผนังที่ตีบตัน คือการออกแรงทั้งหมด เพื่อพุ่งไปข้างหน้าให้ทะลุผ่านกำแพง
“มันเกินจุดตายของคน เกินจากจุดชนกำแพง”
ไม่ต่างอะไรกับมาราธอน กีฬา อึด ถึก ทรหด เป็นอีกหนึ่งจุดตายที่สอนให้คนมีความมุ่งมั่น มีความพยายาม และทะเยอทะยานอย่างถึงที่สุด
เพราะไม่ว่าจะถึงเส้นชัยหลักกิโลเมตรที่ 42.195 สักกี่ครั้ง จุด Start และจุด Finish ก็ยังตีพุงคอยสนามถัดไปเสมอ
เลอศักดิ์ “หลงใหล” การวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ ถือเป็นกีฬาประเภทเดียวที่เขาไม่เคยละทิ้งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา แม้บางช่วงขณะของชีวิตเขาจะเกิดอาการ “ได้ปลื้ม” กับกีฬาของผู้นำอย่างกอล์ฟไปบ้าง แต่ถึงที่สุดแล้วเขาก็มองว่า กอล์ฟใช้เวลาเปลือง และจมอยู่กับก๊วนไม่กี่คน จนแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว
“แค่ซ้อมอย่างเดียว คุณต้องฝึกหวดเป็นวันๆ 5-10 ถาด ถามว่าคุณได้อะไร แค่ได้เหวี่ยงแขนเหวี่ยงไหล่ เป็นกีฬาที่เปลืองเวลากว่าการวิ่ง แถมเวลาซ้อมกอล์ฟ เราก็ไม่ได้มีเพื่อนมากเท่ากับการวิ่ง การซ้อมกอล์ฟ ใจต้องอยู่กับลูก กับไม้ และวงสวิง แต่ถ้าคุณเลือกที่จะออกวิ่ง คุณเปิดโอกาสให้ตัวเองได้มองรอบ ซ้ายขวาหน้าหลังแถมยังมองไปข้างบน ได้เพื่อนหลากหลาย เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป็นพลวัต และมีได้ครบทุกเพศทุกวัย”
สำหรับเขาแล้วการวิ่งทำให้ดวงตาเห็นธรรม เพราะทันทีที่สาวเท้าไปข้างหน้า ทำให้รู้สึกสมองโปร่งโล่ง ดวงตาเป็นประกาย เกิดเป็นสมาธิเหมือนเวลาเดินจงกรม “อะไรที่ค้างๆ อยู่มักจะคิดออกในช่วงนี้”
ผลของการซ้อมวิ่งบ่อยๆ ครั้งละ 2 ชั่วโมง ทำให้เขามีสมาธิตลอดชั่วโมงการทำงาน ยิ่งการมารับตำแหน่งไม้หนึ่งในองค์กรที่มีประวัติยาวนาน รายละเอียดของเนื้องานมีมาก พอๆ กับชั่วโมงการประชุมยาวเหยียด การมีใจจดจ่อกับทุกเรื่องที่ทำ โดยเฉพาะกับช่วงเวลาที่จำเป็นต้องสร้างการเปลี่ยนแปลง
ทุกหลักกิโลของการวิ่งมาราธอน เปรียบเสมือน “ทุน” ที่ถูกเขาแปลงมาเป็น “พลังงาน” เพื่อสร้างการขับเคลื่อนให้องค์กร
“มาราธอนเป็นเครื่องวัดใจคน วัดสมาธิของคน คุณจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ถ้าไม่ฝึกปรือ เพราะการวิ่งมาราธอน โดยหลีกเลี่ยงที่จะไม่เดิน เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หลักเส้นชัยกิโลเมตรที่ 42.195 ไม่ต่างอะไรกับเป้าหมายการทำงานขององค์กร”
ขณะที่การวิ่งมาราธอนต้องอาศัยการฝึกซ้อม มีการเตรียมตัว รู้เขารู้เรา มีความมุ่งมั่นพยายาม การนำองค์กรก็ไม่ต่างจากการวิ่ง ผู้นำต้องรู้จักบริหารองค์กรในทุกย่างก้าวของไตรมาส ของแต่ละเดือน เพื่อให้ได้ผลรวมของปลายทางแห่งเส้นชัย
“ถ้าไม่ได้ตามแต่ละไตรมาสที่เราตั้งไว้ เราต้องปรับปรุงแต่ละก้าว ต้องเตรียมตัวตลอดเวลา เตรียมความพร้อมตลอดเวลา แม้แต่ทุกวันก็เหมือนกัน จะทำอะไรต้องจดใส่กระดาษ ต้องบอกตัวเองว่า จะทำอะไรบ้าง ต้องสะสางเรื่องอะไร”
เขามองว่าสิ่งที่เหมือนกันระหว่างกีฬาวิ่งมาราธอนกับการบริหารองค์กรออมสินก็คือ ใช้การเตรียมความพร้อม มีต้นทุนของความขยัน มีความเพียรพยายาม เพราะสุดท้ายแล้วอะไรก็ไม่หนีจากความเพียรพยายาม
แต่สิ่งสำคัญคือ บนเส้นทางสายมาราธอน กฎเหล็กที่ต้องมีไว้เตือนตัวเองเสมอคือ ต้องไม่ใจอ่อนหยุดพักเดินแทนการวิ่ง และต้องหลีกเลี่ยงการทำตัวเองให้บาดเจ็บระหว่างทาง ขณะที่บนทางด่วนธุรกรรมสายการเงิน ก็ต้องถึงที่หมายโดยปลอดภัย โดยที่องค์กรไม่หลังเดาะ และต้องไม่เป็นที่โหล่รั้งท้ายใคร
ข้อดีของการวิ่งมาราธอนคือ เป็นกีฬาที่มุ่งเน้นสุขภาพ มากกว่าห้ำหั่นเอาเป็นเอาตาย เมื่อเปรียบเทียบภาพนี้กับการเติบโตขององค์กรออมสินวันนี้ เขาบอกอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ออมสินกำลังยืนอยู่ในยุคขององค์กรที่มีสุขภาพดี (healthy organization) ท่ามกลางความผันผวนของวิกฤติการเงิน
“หลายคนบอกว่าปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี สินเชื่อติดลบ แต่คนของออมสินสามารถนำพาธุรกิจให้ทะยานเติบโตไปได้สูงถึง 40% ตัวเลขขนาดนี้มันก็แสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ที่สวนทางกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น”
เขาตั้งคำถามว่า อะไรคืออุปสรรคของการวิ่งมาราธอน เรื่องของระยะทาง แดดจัดในตอนเที่ยงวัน ทางชันตอนขึ้นเนิน หรือฝีเท้าที่ต้องเร่งซอยถี่เวลาลงจากเขา ทั้งหมดนี้คืออุปสรรคหรือเปล่า??? หรือเป็นเพียงแค่สิ่งที่ “เป็น อยู่ คือ” ตามธรรมชาติ
“ถ้าคุณมีความพยายาม มีจิตใจที่หนักแน่น คุณเอาชนะได้ทุกสิ่ง คู่แข่ง ภาวะเศรษฐกิจ เป็นเพียงปัจจัยภายนอก ถ้าทีมงานคุณแกร่ง ไม่ต้องกลัวอะไรเลย ปีนี้โบนัสออมสินไม่ต่ำกว่า 5 เดือน กำไรไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท แต่ละวันมีคนอยากมาเป็นพนักงานออมสินนับแสนคน เพราะเรามั่นคงไม่น้อยหน้าใคร”
ขวบปีเศษที่เลอศักดิ์เข้ามานั่งทำงานอยู่ในอาคารทรงไทย หลังคาสีแดง กับความเป็นองค์กรสีบานเย็นที่ฉ่ำไปทั้งย่านสะพานควาย กับสถานะองค์กรขวัญใจรากหญ้า ที่กำกระแสเงินสดและสินเชื่อไว้ไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท
ทั้งหมดที่ได้มาเขาบอกว่า มาจากศักยภาพอันยิ่งใหญ่และซ่อนเร้นมานานหลายขวบปี ของสถาบันการเงินที่มีภารกิจเป็นสถานที่เก็บทรัพย์สินของประชาชนในชาติ ถึงแม้ตัวเลข 3 แสนล้านบาท จะไม่สามารถสะท้อนออกมาตรงๆ ถึงการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศหรือจีดีพี แต่ถ้ามองโดยอ้อมว่า เป็นส่วนหนึ่งของความมั่งคั่งของคนในชาติ จากพฤติกรรมปลูกฝังการออมที่มีมาแต่อ้อนแต่ออก ถือได้ว่าวันนี้ออมสินได้ทำหน้าที่ของตัวเอง อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ก่อนผมเข้ามาทำงาน ไม่เคยคิดว่าออมสินจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เป็นองค์กรที่ซ่อนสิ่งดีงามเอาไว้มากมาย มีวัฒนธรรมขององค์กร ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และการทำงานที่หลากหลายของคนแต่ละรุ่นมาอยู่รวมกัน”
ไม่มีความสำเร็จไหนกระโดดมาได้เพียงข้ามคืน แต่การเปลี่ยนแปลงของออมสินเพียงข้ามปีเศษ จากธนาคารอันดับที่ 5 มาสู่ธนาคารอันดับที่ 3 เขาบอกว่า มาจาก 3P ที่ดลบันดาลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ People ให้ความสำคัญกับคน Process มุ่งเน้นกระบวนการทำงาน และ Product นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ภายใต้ศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งขันในตลาด
“ผมสามารถนำองค์กรให้เคลื่อนไปข้างหน้าได้ ไม่ว่าธุรกิจจะอยู่ในสภาพแวดล้อมอะไร ด้วยการลงมือศึกษาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน ที่ผ่านมาผมปรับกระบอกเงินเดือนขนานใหญ่ และมีผลบังคับใช้ทันที ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้คนทำงาน หน้าที่ของผู้นำคือ ต้องศึกษาในสิ่งที่ลงมือทำ ทำตามที่ได้พูดเอาไว้ ที่สำคัญต้องเอาจริงเอาจัง และสุดท้ายผลงานที่ออกมาจะสะท้อนออกมาเองว่า เราทำได้ และทำได้ทุกอย่าง จากที่ไม่เคยมีมาก่อน ยอมรับว่าความไม่เข้าใจกันกับคนในองค์กรบางส่วน เป็นธรรมดาที่ต้องมีแน่นอน แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ถือคติเรื่องการทำความดี รู้จักคำว่าให้ สุดท้ายสิ่งดีๆ ก็จะคืนกลับมา”
ก่อนหน้านี้ออมสินเป็นผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขันวิ่งผลัดมหาสมุทรสู่มหาสมุทร ครั้งที่ 5 เส้นทางจาก จ.ชุมพร ถึง จ.ระนอง ภายใต้แนวคิดการวิ่งข้ามสองฟากมหาสมุทร จากแปซิฟิกสู่อินเดีย
ไม่ต่างอะไรกับมหาสมุทรธุรกิจมาราธอนของออมสินวันนี้ ตราบเท่าที่อีกฟากของทะเลยังมีปลารอให้จับอีกมาก เพียงแต่ว่าต้องช่วยกันออกแรง (วิ่ง) และช่วยกันต่อเรือให้ยาวขึ้น
ถึงจะเป็นมหาสมุทรสุดขอบโลก ไม่แน่ว่าวันหนึ่งออมสินก็สามารถไปให้ถึง
วรนุช เจียมรจนานนท์
Tuesday, December 15, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment